15°C New York
May 9, 2024
เลือกซื้อกระเป๋าเดินทางล้อลากอย่างไรให้ใช้งานได้คุ้มค่า 
ประชาสัมพันธ์

เลือกซื้อกระเป๋าเดินทางล้อลากอย่างไรให้ใช้งานได้คุ้มค่า 

เมื่อต้องเดินทางไปต่างประเทศ กระเป๋าเดินทางเป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้ เพราะต้องใส่สัมภาระส่วนตัวต่าง ๆ ของใช้ ของฝาก และของกิน จึงต้องมีความแข็งแรงมากพอต่อการถูกเบียด ทับ และแรงกระแทก การเลือกซื้อกระเป๋าที่มีคุณภาพดี สามารถใช้เดินทางไปได้ทุกที่อย่างไม่มีปัญหา เช่น ด้ามจับหัก ล้อแตก ล้อหลุด กระเป๋าโดนกรีด น้ำซึม ฯลฯ หากมีปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นระหว่างทริป อารมณ์สะดุดแน่นอน วันนี้เราจะมาชวนมาดูวิธีการเลือกซื้อกระเป๋าเดินทางอย่างไรให้คุ้มค่า ทนทาน แข็งแรง ไม่สร้างปัญหาให้ทริปพัง และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเราที่สุด 

เลือกขนาดกระเป๋าเดินทางให้เหมาะกับจำนวนวันเดินทาง

อันดับแรกที่ต้องคำนึงถึง คือ ขนาดของกระเป๋า โดยจะต้องคำนวณกับระยะเวลาเดินทาง เราต้องการไปนานแค่ไหน ต้องการนำสัมภาระไปมากน้อยเท่าไร มีอะไรติดตัวไปบ้าง เพื่อกะขนาดของกระเป๋าให้ใส่สัมภาระได้เพียงพอ และจะต้องมีขนาดที่อยู่ในเกณฑ์สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ โดยปกติแล้วขนาดกระเป๋าเดินทางทั่วไปมีขนาดตั้งแต่  16 นิ้ว , 18 นิ้ว , 22 นิ้ว , 24 นิ้ว , 26 นิ้ว , 28 นิ้ว และ 30 นิ้ว ซึ่งกระเป๋าเดินทางขนาด 16 – 22 นิ้วจะเป็นขนาดไซส์เล็ก ส่วนขนาด 22 – 24 นิ้ว จะเป็นกระเป๋าเดินทางไซส์กลาง และ ขนาด 28 – 30 นิ้ว คือ กระเป๋าเดินทางขนาดไซส์ใหญ่ 

ขนาดกระเป๋ากับระยะเวลาเดินทาง 

  • เดินทาง 1 – 2 วัน เหมาะกับกระเป๋าเดินทางขนาด 16 – 18 นิ้ว เหมาะกับการเดินทางระยะสั้น ๆ อาจเป็ฯการเดินทางไปทำงาน เดินทางไปธุระทางธุรกิจ ประชุม สัมมนา กระเป๋าขนาดไม่เกิน 18 นิ้ว ถือว่าเป็นขนาดกำลังเหมาะสม เดินทางสะดวก และยังพอมีพื้นที่ให้ใส่ของฝากได้เล็กน้อยอีกด้วย 
  • เดินทาง 2 – 4 วัน เหมาะกับกระเป๋าเดินทางขนาด 18 – 24 นิ้ว เหมาะกับการเดินทางไปต่างประเทศไม่เกิน 3 วัน กระเป๋าขนาด 22 นิ้ว สามารถใส่สัมภาระได้ไม่น้อยเกินไป แต่ถ้าเน้นการช้อปปิ้ง หรือสายเปย์ ชอบซื้อของฝาก แนะนำกระเป๋าเดินทางขนาด 24 นิ้วขึ้นไป 
  • เดินทาง 5 – 7 วัน เหมาะกับกระเป๋าเดินทางขนาด 24 – 26 นิ้ว หากต้องการใช้เวลาท่องเที่ยวประมาณ 1 สัปดาห์ ขนาดกระเป๋าเดินทาง 24 – 26 นิ้ว ถือว่าเหมาะสม เพราะสามารถใส่เสื้อผ้าได้จำนวนมาก รวมไปถึงของฝากด้วยเช่นกัน 
  • เดินทางมากกว่า 10 วัน ขึ้นไป เหมาะสมกับกระเป๋าเดินทางขนาด 28 – 30 นิ้ว เพราะสามารถใส่เสื้อโค้ทหนา ๆ ได้สบาย รวมไปถึงสัมภาระอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในระหว่างท่องเที่ยว และยังจุของฝากขากลับได้จำนวนมากเช่นกัน 

เลือกขนาดกระเป๋าเดินทางให้เหมาะกับสายการบิน

แต่ละสายการบินมีกำหนดขนาดกระเป๋าแตกต่างกันเล็กน้อย โดยปกติกระเป๋านำขึ้นเครื่องมี 2 แบบด้วยกัน คือ Carry on Baggage (กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง) และ Checked Baggage (กระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง) ซึ่งส่วนใหญ่กระเป๋าถือขึ้นเครื่องจะกำหนดให้หนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม แต่บางสายการบินสามารถถือขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 10 กิโลกรัม นอกจากนี้ยังมีกำหนดความกว้าง ความยาว และความสูงของกระเป๋า หากไม่มั่นใจว่ากระเป๋าเดินทางของเราจะมีน้ำหนักและขนาดตามที่สายการบินกำหนดหรือไม่ ควรศึกษาข้อมูลของสายการบินที่เราใช้บริการ เช่น สายการบิน AirAsia กระเป๋าต้องมีขนาดไม่เกิน 56 x 36 x 23 เซนติเมตร และ หนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม หรือ สายการบิน Qatar Airways กระเป๋าต้องมีขนาดไม่เกิน 50b x 37 x 25 เซนติเมตร และ หนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม หรือ สายการบิน Etihad Airways กระเป๋าต้องมีขนาดไม่เกิน 50 x 40 x 25 เซนติเมตร และ หนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม เป็นต้น  

เลือกกระเป๋าเดินทางให้เหมาะกับสถานที่ 

สถานที่ปลายทางมีสภาพภูมิอากาศและสภาพแวดล้อมแบบไหน เป็นอีกสิ่งที่ควรคำนึงด้วยเช่นกัน เพราะกระเป๋าบางประเภทอาจไม่เหมาะกับสภาพภูมิประเทศและอากาศ เช่น หากเดินทางท่องเที่ยวระยะสั้น ๆ  อย่างการไปเที่ยวเกาหลี ญี่ปุ่น จีน อาจใช้กระเป๋าล้อลากได้สบาย ๆ แต่ถ้าไปท่องเที่ยวในสถานที่แบบแอดเวนเจอร์สักหน่อย อย่างการไปปีนเขา เที่ยวป่า หรือสภาพภูมิประเทศเป็นทิวเขา การเลือกใช้กระเป๋าแบบสะพาย หรือ เป้แบบ Backpack จะเหมาะสมต่อการเดินทางมากกว่า หรือ ถ้าไปสถานที่มีสภาพอากาศหนาว เต็มไปด้วยหิมะ ไม่ควรเลือกใช้กระเป๋าแบบผ้า เพราะกระเป๋าจะเปียกชื้นได้ และทำให้สัมภาระข้างในพลอยเปียกชื้นและอับไปด้วย เป็นต้น 

เลือกวัสดุและประเภทกระเป๋าเดินทาง

ส่วนใหญ่กระเป๋าเดินทางแบบล้อลากจะมี 2 ชนิด คือ Soft Case (กระเป๋าเดินทางแบบผ้า) และ Hard Case (กระเป๋าเดินทางแบบพลาสติก ABS หรือ PC) 

Soft Case หรือ กระเป๋าเดินทางแบบผ้า

ข้อดีของกระเป๋าเดินทางแบบผ้า คือ มีความยืดหยุ่น ใช้งานสะดวก ไม่เป็นรอยขีดข่วนได้ง่าย รูปทรงสวยงาม 

ข้อเสียของกระเป๋าเดินทางแบบผ้า คือ อาจพังชำรุดได้ง่าย หรือของภายในกระเป๋าแตกชำรุดได้ หากมีการโยนกระเป๋า หรือโดนกระแทกแรง ๆ นอกจากนี้ หากมีการทับซ้อนกระเป๋ากันจำนวนมาก กระเป๋าจะเสียรูปทรงและเสียหาย อีกทั้งยังไม่กันน้ำ และทำความสะอาดยาก  

Hard Case หรือ กระเป๋าเดินทางแบบพลาสติก ABS หรือ PC

ข้อดีของกระเป๋าเดินทางแบบพลาสติก คือ มีความแข็งแรง ทนทานต่อแรงกระแทก น้ำหนักเบา กันน้ำ สัมภาระภายในมีความเสี่ยงแตกหักชำรุดจากการโดนกดทับน้อยกว่าแบบผ้า ซึ่งผู้ผลิตส่วนใหญ่จะใช้ Polycatbonate ABS เข้ามาใช้ในการผลิตกระเป๋าเดินทาง เนื่องจากมีความคงทน แข็งแรง มีความยืดหยุ่นสูง ทนต่อแรงได้ดี 

ข้อเสียของกระเป๋าเดินทางแบบพลาสติก คือ เป็นรอยขีดข่วนได้ง่ายกว่าแบบกระเป๋าผ้า และกระเป๋าอาจแตกหักหรือชำรุดได้หากมีการกระแทกแรง ๆ  

อย่างไรก็ตาม การเลือกกระเป๋าเดินทางที่มีขนาดใหญ่ไปใช่ว่าจะดี เพราะอาจทำให้ลำบากต่อการเดินทาง ควรเลือกขนาดให้พอดีกับตัวเราและเหมาะสมต่อการใช้งานให้มากที่สุด เพราะถ้ากระเป๋าหนักจนลากไปไหนลำบาก การเดินทางก็ไม่สนุก