15°C New York
November 21, 2024
5 เรื่องอะไรบ้างที่คนอยากกู้บ้านอาจยังไม่รู้
ธุรกิจ บทความ

5 เรื่องอะไรบ้างที่คนอยากกู้บ้านอาจยังไม่รู้

หลายคนที่ต้องการจะกู้เงินเพื่อซื้อบ้าน แต่ก็กังวลกลัวว่าตัวเองอาจติดเงื่อนไขบางอย่างทำให้ธนาคารไม่อนุมัติ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของอายุ ประวัติทางการเงิน เป็นคู่รัก LGBTQ+ หรือการเกี่ยวโยงด้านภาษี วันนี้เราจะมาไขความลับเรื่องเกี่ยวกับการกู้บ้านที่หลายคนอาจยังไม่รู้ เผื่อจะเป็นประโยชน์ให้กับใครที่ต้องการจะกู้เงินผ่อนบ้าน หรือกำลังวางแผนในการกู้เงินซื้อบ้านเป็นของตัวเองสักหลัง 

1. กู้เงินผ่อนบ้านได้ แม้จะอายุเยอะแล้ว 

ระยะเวลาการผ่อนบ้านส่วนใหญ่อยู่ที่ประมาณ 20 – 30 ปี ทำให้หลายคนคิดว่าหากใช้เวลาผ่อนบ้านนานขนาดนั้น ควรเริ่มผ่อนบ้านเมื่ออายุไม่เกิน 30 ปี เพื่อที่จะได้สิ้นสุดการผ่อนบ้านทัน ก่อนที่จะเข้าสู่วัยเกษียณ และหลายคนก็เข้าใจว่า หากมีอายุเกิน 40 ปี ธนาคารจะไม่ปล่อยกู้ เพราะมีอายุมากเกินไป เมื่อนับรวมระยะเวลาการผ่อน 

ปัจจุบัน เรากำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ หรือ Aging Society คือ ยุคสังคมที่อายุเฉลี่ยของคนในประเทศสูงขึ้น ทำให้มีจำนวนผู้สูงวัยเพิ่มมากขึ้น และเกิดการยืดอายุเกษียณของตัวเอง ทำงานหารายได้ต่อในวัยเกษียณ แม้จะมีอายุเกิน 60 ปี แล้วก็ตาม เป็นเหตุให้ธนาคารและสถาบันการเงินต่าง ๆ ต้องปรับตัว และขยายขอบเขตช่วงอายุของผู้กู้ เพื่อให้สามารถผ่อนบ้านได้ในระยะยาวขึ้น จึงไม่จำกัดอายุของผู้กู้ ที่แม้ว่าอายุเกิน 30 ปีขึ้นไป ก็สามารถทำการกู้เงินผ่อนบ้านหรือกู้บ้านจากธนาคารได้เช่นกัน 

2. นำดอกเบี้ยมาลดหย่อนภาษีได้ 

การลดหย่อนภาษีในความคิดของคนส่วนใหญ่ มักจะนึกไปถึงการลงทุนในกองทุนรวม RMF , SSF ประกันชีวิต หรือ ประกันบำนาญ แต่อาจนึกไม่ถึงว่าการซื้อบ้านก็เป็นการลงทุนที่สามารถนำดอกเบี้ยเงินกู้มาใช้ลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน 

กรมสรรพากรได้กำหนด ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อซื้อหรือสร้างที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว อาคาร ห้องชุด หรือ คอนโด ก็สามารถนำมาใช้เป็นค่าลดหย่อนภาษีได้ตามจริง แต่สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท / ปี ซึ่งจะต้องเป็นดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นในปีนั้น ๆ และสามารถลดหย่อนได้เรื่อย ๆ ตราบใดที่ผู้กู้ยังจ่ายดอกเบี้ยบ้านอยู่ จุดนี้เองที่จะทำให้ผู้กู้ได้รับประโยชน์ด้วยการจ่ายภาษีลดลง แต่สิ่งสำคัญคือต้องไม่ลืมเตรียมใบยืนยันการจ่ายดอกเบี้ยของธนาคาร สำหรับนำไปใช้ลดหย่อนภาษี 

3. ติดแบล็คลิสต์ก็กู้ซื้อบ้านได้ 

มีคนไม่น้อยที่ใช้บัตรเครดิต เพราะสะดวกต่อการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน แต่ด้วยความสะดวกจนทำให้ใช้เพลิน วงเงินเกินจนเป็นหนี้บัตรเครดิตจำนวนมาก ไม่สามารถจ่ายเงินได้ตรงเวลา หรือแม้แต่ค้างชำระหนี้บ่อย ๆ จนทำให้มีประวัติไม่ดี ประวัติเสีย หรือติดแบล็คลิสต์ อาจทำให้ไม่สามารถทำธุรกรรมการเงินได้อีก โดยเฉพาะการกู้เงินซื้อบ้านกับธนาคาร 

แต่รู้ไหมว่า แม้ว่าจะมีประวัติการชำระบัตรเครดิตเสีย หรือติดแบล็คลิสต์ สามารถกู้ซื้อบ้าน หรือผ่อนบ้านกับธนาคารได้ หากมีการแก้ไขประวัติทางการเงิน โดยการทยอยชำระหนี้ทีละส่วนทีละก้อน เริ่มจากการชำหนี้ที่กระทบกับเรามากที่สุด หรืออาจรวมหนี้และชำระทีเดียว ก็จะสามารถรักษาประวัติการชำระเงินใหม่ จากนั้นก็สร้างวินัยทางการเงินให้ดีกว่าเดิม เพียงเท่านี้ก็มีโอกาสที่ธนาคารจะอนุมัติเงินกู้

4. LGBTQ+ กู้ซื้อบ้านร่วมกันได้ 

สังคมปัจจุบันในเมืองไทยเปิดกว้างและยอมรับเพศทางเลือก LGBTQ+ มากขึ้น มีคู่รักหลากหลายแบบ ที่ไม่ได้จำกัดเพียง ชาย-หญิง เท่านั้น แต่ขณะเดียวกัน เงื่อนไขของการกู้ร่วมที่ผ่านมานั้นมีข้อจำกัดที่ต้องเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน หรือคู่สมรสแบบดั้งเดิม ชาย-หญิง ทำให้คู่รัก LGBTQ+ หลาย ๆ คู่ เกิดความกังวลและคิดว่าไม่สามารถกู้บ้านร่วมกันได้ 

แต่ในความเป็นจริง สถาบันการเงิน และธนาคารหลาย ๆ แห่ง มีปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของโลกมากขึ้น ด้วยการลด ปรับ เพิ่ม แก้ไข เงื่อนไขดั้งเดิม เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการ โดยหนึ่งในนั้นคือการอนุมัติเงินกู้บ้านสำหรับคู่รัก LGBTQ+ แต่อาจมีเงื่อนไขและข้อกำหนดที่ปรับตามไปด้วย เช่น อายุของทั้งคู่จะต้องเกิน 20 ปีขึ้นไป หรือ อายุของผู้กู้และระยะเวลาผ่อนต้องไม่เกิน 70 ปี หรือ ผู้กู้หลักและผู้กู้ร่วมต้องรายได้ 15,000 บาท ขึ้นไป เป็นต้น ลองมองรายชื่อธนาคารที่อนุมัติเงินกู้บ้านแก่คู่รัก LGBTQ+ อ่านหรือสอบถามเงื่อนไขและข้อกำหนดให้ละเอียด เพียงเท่านี้ ความฝันที่จะซื้อบ้านร่วมกันก็ไม่ใช่เรื่องยาก 

5. ใช้บริการที่ปรึกษาสำหรับการกู้เงินผ่อนบ้าน 

เมื่อก่อนผู้ที่ต้องการจะกู้เงินธนาคารจะต้องเตรียมความพร้อมและเอกสารต่าง ๆ ก่อนนำไปยื่นกู้ แต่ปัจจุบันเราสามาระใช้บริการที่ปรึกษา เพื่อขอคำแนะนำในการจัดเตรียมเอกสาร รวมไปถึงแนวทางของการยื่นกู้ เพื่อช่วยเตรียมความพร้อมให้กับเราก่อนไปยื่นกู้กับทางธนาคาร ซึ่งสามารถรีเสิร์ชหาผู้ให้บริการได้ไม่ยาก หรือจะเดินเข้าไปสอบถามกับเจ้าหน้าที่ของสถาบันการเงินนั้น ๆ โดยตรงก่อนก็ได้ จะช่วยให้รู้เงื่อนไข และสามารถเตรียมทุกอย่างได้ตรงกับที่สถาบันนั้น ๆ ต้องการได้อย่างตรงจุด เพิ่มโอกาสการอนุมัติสูง ความฝันที่จะได้เป็นเจ้าของบ้านสักหลังก็สามารถเป็นจริงได้ไม่ยาก